1. Hub
เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่เป็นศูนย์กลางของการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบ LAN ที่ต่อแบบ Star ซึ่งฮับในปัจจุบันมีหลายขนาด เช่น 5 พอร์ท, 8 พอร์ท, 16 พอร์ท, 24 พอร์ท, 32 พอร์ท, 48 พอร์ท มีความเร็วเริ่มต้นที่ 10 Mbps ซึ่งฮับจะทำงานอยู่ในชั้น Physical Layer
2. Bridge
เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่อยู่บนสองลำดับล่างบนแบบจำลอง OSI คือ ชั้น Physical และ Data link ซึ่งทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลเดียวกัน เช่น ระหว่างเทอร์เน็ตแลนด้วยกัน หรือต่างโปรโตคอลก็ได้ เช่นระหว่างอีเทอร์เน็ตกับโทเค็นริง
3. Switch Layer 3
เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ชั้นเดียวกับ Router คือชั้น Network Layer สามารถทำงานเป็นเราเตอร์ในตัวได้ นิยมใช้สำหรับเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ภายในองค์กรกับอินเตอร์เน็ต หรือใช้เชื่อมต่อหน่วยงานกลาง(สำนักงานใหญ่) กับหน่วยงานทีเป็นสาขาย่อย
4. IDS (Intrusion Detection System)
เป็นระบบตรวจจับการบุกรุกเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยหรือสัญญาณกันขโมย คอยตรวจตราบุคคลที่เข้าในระบบเครือข่าย โดยระบบจะเตือนผู้ดูแลระบบให้ได้รับรู้เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบ
5. UTP : Unshielded Twisted Pair
เป็นสายสัญญาณที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นสายขนาดเล็กไม่มีชิลด์ห่อหุ้ม มีเส้นตีเกลียวเป็นคู่ ๆ เพื่อลดสัญญาณรบกวน ในการเชื่อมต่อใช้หัวต่อแบบ RJ45 สามารถต่อสายได้ยาวสูงสุด 100 เมตร
6. Adhoc Mode
เป็นการเชื่อมต่อระหว่างการ์ด Wireless LAN ด้วยกัน โดยไม่มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access Point หรืออาจจะเรียกว่าเชื่อมแบบ Peer –to Peer ก็ได้
7. Infrastructure Mode
เป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย Wireless LAN ร่วมกันผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access point
8. Web Server
หมายถึง เครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการเว็บ หรือทำหน้าที่เก็บเว็บไซท์
9. Mail Server
หมายถึง เครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
10. Proxy Server (Cache)
หมายถึง เครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่เก็บคอนเทนท์ต่าง ๆ ช่วยลดการใช้แบนด์วิดช์ภายนอก
เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่เป็นศูนย์กลางของการสื่อสารข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบ LAN ที่ต่อแบบ Star ซึ่งฮับในปัจจุบันมีหลายขนาด เช่น 5 พอร์ท, 8 พอร์ท, 16 พอร์ท, 24 พอร์ท, 32 พอร์ท, 48 พอร์ท มีความเร็วเริ่มต้นที่ 10 Mbps ซึ่งฮับจะทำงานอยู่ในชั้น Physical Layer
2. Bridge
เป็นอุปกรณ์เครือข่ายที่ทำหน้าที่อยู่บนสองลำดับล่างบนแบบจำลอง OSI คือ ชั้น Physical และ Data link ซึ่งทำหน้าที่เหมือนสะพานเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลเดียวกัน เช่น ระหว่างเทอร์เน็ตแลนด้วยกัน หรือต่างโปรโตคอลก็ได้ เช่นระหว่างอีเทอร์เน็ตกับโทเค็นริง
3. Switch Layer 3
เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานอยู่ชั้นเดียวกับ Router คือชั้น Network Layer สามารถทำงานเป็นเราเตอร์ในตัวได้ นิยมใช้สำหรับเชื่อมโยงเครือข่าย LAN ภายในองค์กรกับอินเตอร์เน็ต หรือใช้เชื่อมต่อหน่วยงานกลาง(สำนักงานใหญ่) กับหน่วยงานทีเป็นสาขาย่อย
4. IDS (Intrusion Detection System)
เป็นระบบตรวจจับการบุกรุกเปรียบเสมือนสัญญาณเตือนภัยหรือสัญญาณกันขโมย คอยตรวจตราบุคคลที่เข้าในระบบเครือข่าย โดยระบบจะเตือนผู้ดูแลระบบให้ได้รับรู้เมื่อมีผู้บุกรุกเข้ามาในระบบ
5. UTP : Unshielded Twisted Pair
เป็นสายสัญญาณที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน เป็นสายขนาดเล็กไม่มีชิลด์ห่อหุ้ม มีเส้นตีเกลียวเป็นคู่ ๆ เพื่อลดสัญญาณรบกวน ในการเชื่อมต่อใช้หัวต่อแบบ RJ45 สามารถต่อสายได้ยาวสูงสุด 100 เมตร
6. Adhoc Mode
เป็นการเชื่อมต่อระหว่างการ์ด Wireless LAN ด้วยกัน โดยไม่มีอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access Point หรืออาจจะเรียกว่าเชื่อมแบบ Peer –to Peer ก็ได้
7. Infrastructure Mode
เป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย Wireless LAN ร่วมกันผ่านอุปกรณ์ที่เรียกว่า Access point
8. Web Server
หมายถึง เครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการเว็บ หรือทำหน้าที่เก็บเว็บไซท์
9. Mail Server
หมายถึง เครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่ให้บริการรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์
10. Proxy Server (Cache)
หมายถึง เครื่องแม่ข่ายที่ทำหน้าที่เก็บคอนเทนท์ต่าง ๆ ช่วยลดการใช้แบนด์วิดช์ภายนอก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น